ค้าวคาวเผือก เมนูของว่างของไทยแต่โบราณที่ในสมัยปัจจุบันหารับทานได้ยากเหลือเกิน ขนมทอดรูปทรงสามเหลี่ยมคล้ายค้างคาวกางปีกอันเป็นที่มาของชื่อนี้ แรกเริ่มเดิมทีเป็นขนมค้างคาวคิดค้นโดยเจ้าครอกทองอยู่ตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นคำเรียกเจ้านายสตรีเป็นเจ้าโดยกําเนิดหรือสถาปนาขึ้น มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาความอร่อยเป็นที่เลื่องลือจนชาววังมีคำพูดติดปากกันว่าขนมค้างคาวเจ้าครอกทองอยู่
ขนมไส้หมูเจ้าครอกวัดโพไส้ในของขนมค้างคาว คือ กุ้งผัดกับเครื่องปรุงและหัวกะทิให้หอมมัน ห่อด้วยแป้งให้เป็นรูปสามเหลี่ยมทรงอ้วนท้วน แล้วนำไปชุบแป้งอีกครั้งก่อนทอด ในยุคสมัยต่อมาท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ เจ้าของตำราแม่ครัวหัวป่าก์ได้เติมเผือกต้มบดละเอียดลงไปในแป้งที่ห่อไส้เพิ่มรสสัมผัสของขนมให้มีทั้งความคาวจากรสกุ้งความละเมียดละมุนจากเนื้อเผือก ความหอมหวานจากมะพร้าวทานคู่กับอาจาดรสเปรี้ยวหวานกลายเป็นค้างคาวเผือกขนมรสชาติแปลกใหม่แต่กลมกล่อมชวนให้ลิ้มลองคำต่อๆไป วัตถุดิบ เผือก มะพร้าวขูดขาว แป้งสาลีอเนกประสงค์ เกลือป่น พริกไทยป่น ใบมะกรูด เนื้อกุ้งสับ
หอมแดง น้ำตาลมะพร้าว กะทิ แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ปอกเปลือกของเผือก แล้วนำไปล้างให้สะอาด จากนั้นหั่นเป็นเต๋าขนาดเท่า ๆ กัน นำไปนึ่งให้สุก แล้วบดให้ละเอียด จากนำไปนวดก้บแป้งสาลีประสงค์ให้เข้ากัน เติมกะทิเล็กน้อย ผัดไส้ นำหอมแดงลงผัดให้สุกใส ตามด้วยเนื้อกุ้งสับให้สุก ตามด้วยมะพร้าวขูดขาว ปรุงรสด้วย น้ำตาลปี๊บ เกลือและพริกไทยให้สุกและเข้ากันดี เมื่อทุกอย่างสุกดีแล้ว โรยใบมะกรูด เพื่อเพิ่มความหอมและสีสันที่สวยงาม ทอด
ปั้นแป้งเผือก รีดให้เป็นแผ่นแล้วนำไว้ที่ผัดไว้ใส่ตรงกลาง พับริมเข้าหากันเป็นรูปสามเหลื่ยม บีบให้มิดไส้กุ้งและเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน นำลงชุบใน แป้งข้าวเจ้าที่ละลายกับกะทิ เติมเกลือเล็กน้อย นำลงทอดที่น้ำมันร้อนจัด ทอดให้เป็นสีเหลืองอ่อน ๆ